1. Dropbox เป็น Cloud Storage ที่แทบจะสมบูรณ์เลยก็ว่าได้ เพราะ ไม่มีข้อจำกัดใดๆ ในการใช้งานเลย จะ up files ขนาดใหญ่แค่ไหน หรือจะส่ง link ให้ download แบบ direct ก็ได้ แม้ว่าคนที่เราจะส่ง files ให้นั้นไม่ได้ใช้ Dropbox ก็ตาม ที่สำคัญคือ Dropbox มี application support กับทุก OS ตั้งแต่ Windows PC, Windows Metro, Mac, Android, iOS จะขาดก็แค่ windows phone เท่านั้นแหล
ข้อด้อยของ Dropbox นั้นคงจะมีแค่ข้อเดียวคือ storage เริ่มต้นให้มาค่อนข้างน้อยมาก เมื่อเทียบกับเจ้าอื่นคือ 2 GB แต่ทว่าสามารถทำโน่นทำนี่ เพื่อเพิ่มพื้นที่ free ได้อีก เช่นการ invite เพื่อนมาใช้เพิ่ม วิธีนี้จะเพิ่มได้อีก 16 GB หรือ ซื้อมือถือที่แถม พื้นที่ให้ อันนี้ก็จะได้อีกราว ๆ 50 GB ต่อเครื่องต่อสองปี
สรุป : เหมาะกับคนทำงานทุกประเภท ยกเว้น File Collaboration หรือ ต้องทำงานร่วมกัน บน File เดียวกันแบบ Real Time
2. OneDrive เป็น Cloud Drive ของ Microsoft ที่ Rebrand มาจาก Skydrive พัฒนามากันก็หลายปี สาวกก็ใช้บ้าง แต่ยังไม่ค่อยจะดังสักที เพราะข้อจำกัดบางอย่าง ที่ไม่พัฒนา
ตัว Skydrive นั้นเริ่มต้นให้พื้นที่มาไม่มากไม่น้อย คือ 7 GB สามารถชวนเพื่อน เพื่อเพิ่มพื้นที่ได้ แต่ก็ได้แค่ 5 GB หรือจะจ่ายเงินซื้อเลยก็ได้ รองรับทั้ง windows pc, windows metro, iOS, Mac จุดแข็งอีกอย่างคือ files office ต่างๆ ที่ทำไว้บน windows phone, windows RT, office 365 จะเก็บร่วมกันใน Skydrive ได้เลย
แต่ข้อเสียสำคัญนั้น เหมือน Microsoft Geek เกิน เลยทำให้ดีสุดไม่ได้ ทำมาขาดๆ เกินๆ เนื่องจาก Mobile Device ทุกตัวของของ Microsoft นั้น เหมือนไม่เชื่อมกับ OneDrive แค่ใช้พื้นที่ร่วมกันเท่านั้น สมมติว่า ทำ Power Point ไว้ใน Office 365 ผ่าน Windows Desktop พอเอา windows phone มา จะเปิดดู power point ตัวนั้น ต้องทำการ Download ลงมาใน phone ก่อน ถึงจะดูได้ และถ้าแก้ไขอะไรไป ก็ต้อง Upload กลับ ไม่ได้มีการ Auto update แต่อย่างใด
สรุป : เหมาะกับคนที่ใช้ Microsoft Office เป็นหลัก และชีวิตนี้อยู่กับ Windows Device เกือบทุกอย่าง
3. Google Drive เมื่อพูดถึง OneDrive ไปแล้ว จะไม่พูดถึง Google Drive ก็กระไรอยู่ เพราะ รุ่น Free นั้นให้พื้นที่มาเยอะที่สุดคือ 10 GB ก็เลยทีเดียว แบบไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม แต่ข้อจำกัดคือ ไม่มี Champagne ทำพื้นที่ Free เหมือนสองตัวก่อนหน้านี้ ต้องซื้อเพิ่มเท่านั้น
ข้อจำกัดของ Google Drive มีอยู่บ้าง แต่ก็เหมือนจะไม่มี เพราะข้อจำกัดที่ว่าคือ การส่ง File ใหญ่ที่สุดนั้นจำกัดที่ 10 GB เท่านั้น ใหญ่กว่านี้ส่งไม่ได้
นอกจากนี้ Google Drive ยังเหมาะสมกับคนที่ใช้ Gmail ที่ต้องการส่ง Files ใหญ่ๆ อีกด้วย เพราะความสามารถ Attach files ขนาดใหญ่ลง Google Drive แทน ที่จะ Attach ลง mail ธรรมดา ที่สำคัญคือ Google Docs ที่เป็นส่วนหนึ่งของ Google Drive ยังสามารถทำงานแบบ Collaboration ได้อีกด้วย
แต่ข้อด้อยที่สำคัญของ Google Drive คือ ตัว Desktop app ขาดความเก่ง และจุดสนใจให้ควรใช้ ระดับที่ว่า เปิดหน้า web เอาน่าจะดีกว่า สามารถทำอะไรได้มากกว่า ครบกว่านั่นเอง
สรุป : เหมาะกับคนที่ต้องใช้งาน เอกสารเป็นหลัก เพราะใช้พื้นที่ไม่เยอะ และ สามารถทำงานแบ Collaboration ได้
4. iCloud เป็น Cloud ที่ข้อจำกัดเยอะที่สุดแล้วก็ว่าได้ เพราะคนจะใช้ Cloud ตัวนี้นั้น ต้องใช้ Mac OS หรือ iOS เท่านั้น เนื่องจากเป็น Cloud ส่วนบุคคลที่ apple ทำมาเพื่อให้กับแฟนๆ ของตัวเองที่ซื้อ apple device ทุกคน โดยให้เริ่มต้นที่ 5 GB เท่ากันหมด อยากได้ต้องซื้อเพิ่มเท่านั้นจุดแข็งของ iCloud คือใช้งานง่ายเข้าใจง่าย ไม่ต้องทำอะไรก็ใช้ได้เลย ทำงานบน iWork ก็จะ sync ลง icloud ทันทีแบบ real-time ทำบน iMac เสร็จ หยิบ iPad เดินเข้าห้องประชุมไป present งานต่อได้เลย ไม่ต้องเสียเวลา แถมถ้า update บน iPad ก็ sync ให้เลย ไม่ต้องกด upload ให้วุ่นวาย ที่สำคัญต้อง iWork เพิ่มความสามารถ collaboration ให้แล้วด้วย สามารถใช้ทำงานร่วมกันกับเพื่อนก็ได้
ข้อเสียหลักๆ ของ iCloud คือให้พื้นที่มาน้อยไปหน่อย และใช้งานได้ดีสุด ๆ บน Mac, iOS เท่านั้น ถ้าใช้ windows หรือ OS อื่น ต้องเข้าผ่าน browser ซึ่งพอใช้งาน upload file, download files ได้บ้าง นอกจากนี้ iCloud ยังรองรับแค่ Files รูป ผ่าน photo stream หรือ iWorks เท่านั้น ไม่รองรับ files ประเภทอื่น
สรุป : เหมาะกับคนใช้ Apple เพื่อทำงานเอกสาร iWorks เท่านั้น เวลาจะใช้งานอย่างอื่น เช่น share folder, send files ต้องใช้ cloud อื่นใช้ร่วมประกอบอยู่ดี
สรุป
- ถ้าเป็นการเก็บรูปภาพขอแนะนำว่า ให้ใช้ Google picture
- ถ้าเป็นไฟล์งานเอกสารต่างๆ แนะนำให้ใช้ Google Drive
- ถ้าเป็นคลิป vdo แนะนำเป็น YouTube
- ถ้าเป็นงานในกลุ่ม iWork แนะนำเก็บลงใน iCloud